เหตุผลที่ว่าทำไม
หากเราหั่นปลีกล้วยไว้แล้ว ปลีกล้วยจึงดำ
เพราะว่าในปลีกล้วยนั้นมีสารชื่อ
"สารประกอบฟีนอล"
ฟีนอล (Phenol) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล
(–OH) ต่ออยู่กับหมู่แอริล
(Ar) มีสูตรทั่วไปคือ ArOH ดังรูป
สารประกอบฟีนอล
(phenolic
compound หรือ phenolics) ได้แก่
สารประกอบที่มี aromatic ring และอย่างน้อย 1 hydroxyl
group และรวมไปถึงอนุพันธุ์ของสารประกอบฟีนอลซึ่งมีการแทนที่ด้วยหมู่เคมีต่างๆ
ตัวอย่างสารประกอบฟีนอล ได้แก่ flavonoids,
lignin, ฮอร์โมน abscisic
acid, cinnamic acid, caffeic acid, chlorogenic acid, กรดอะมิโน tyrosine,
phenylalanine และ dihydroxy-phenylalanine
(DOPA), coenzyme Q และผลผลิตจากเมแทบอลิซึมอีกหลายชนิด
สารประกอบฟีนอลเป็นตัวแทนของสารในธรรมชาติที่นับว่ามีปริมาณมากชนิดหนึ่งและมีความสำคัญต่อสรีรวิทยาหลังการเก็บเกี่ยว
เนื่องจากหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสีและกลิ่นรส
ความเข้มข้นของสารประกอบฟีนอลแตกต่างกันไปอย่างมากมายในผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว
เช่น ในผลไม้สุกอาจมีปริมาณตั้งแต่น้อยมาก ไปจนถึง 8.5% ของน้ำหนักแห้ง
ในผลพลับ
สารประกอบฟีนอลในพืชโดยทั่วไปแสดงคุณสมบัติเป็นกรด
ซึ่งจะสร้างพันธะไฮโดรเจนกับโมเลกุลอื่นอย่างรวดเร็ว
และพบบ่อยที่ทำปฏิกิริยากับพันธะเปปไทด์ของโปรตีน
และเมื่อโปรตีนนี้เป็นเอนไซม์ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมักทำให้เอนไซม์หมดสภาพ
ซึ่งมักเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเอนไซม์ในพืช
โดยรวมแล้วสารประกอบฟีนอลจะไวต่อการเกิดออกซิเดชั่นโดยเอนไซม์ phenolases ซึ่งเปลี่ยน monophenols ไปเป็น diphenols และเปลี่ยนต่อไปเป็น quinones นอกจากนี้สารประกอบฟีนอลบางตัวยังสามารถ chelate กับโลหะ
ตารางที่ 1 ปริมาณสารประกอบฟีนอลทั้งหมดที่มีในผลไม้สุก
(Kays, 1991)
หมายเหตุ : FW = น้ำหนักสด
(fresh
weight)
DW = น้ำหนักแห้ง
(dry
weight)
ตารางที่ 2 สารประกอบฟีนอลส่วนใหญ่ที่พบในพืช (Kays, 1991)
เพิ่มเติมเกี่ยวกับสารประกอบฟีนอล
1.การต้านทานโรค สารประกอบฟีนอลหลายชนิดสามารถป้องกันหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิดได้
เช่น protocatechuic acid ซึ่งเป็นสารประกอบฟีนอลที่มีมากในหอมหัวใหญ่สีม่วง
จะต้านทานต่อโรค smudge ที่เกิดจาก Colletotrichum
circinan ได้ดี
แต่ในหอมพันธุ์สีขาวจะไม่มีสารตัวนี้จึงอ่อนแอต่อโรค smudge สารสกัดที่ได้จากหัวหอมนี้สามารถป้องกันการงอกและยับยั้งการเจริญของเชื้อราชนิดนี้ด้วย
2.รสฝาด รสฝาดของผลไม้หลายๆ ชนิด จะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารประกอบฟีนอลในผล
ช่วงน้ำหนักโมเลกุลของสารประกอบฟีนอลที่จะให้ความฝาดนั้นอยู่ในช่วง 500-3,000 ซึ่งสามารถที่จะรวมตัวกับโมเลกุลของโปรตีนในปากทำให้รู้สึกฝาดได้
เมื่อผลไม้พัฒนาเข้าสู่การบริบูรณ์
สารประกอบฟีนอลจะลดลงนอกจากนี้สารประกอบฟีนอลยังเกิดการรวมตัวเป็นโมเลกุลใหญ่ (polymerization) และการรวมตัวของสารประกอบฟีนอลเป็นโมเลกุลใหญ่จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ จากโมเลกุลที่ละลายน้ำกลายเป็นโมเลกุลที่ไม่ละลายน้ำ
ซึ่งทำให้ความฝาดลดลงเมื่อผลไม้บริบูรณ์เต็มที่
3.สี
สีของผักผลไม้ซึ่งเป็นสีของแอนโทไซยานินก็เป็นสีของสารประกอบฟีนอล
นอกจากนี้การที่ผักหรือผลไม้เกิดสีน้ำตาลเนื่องจากการทำงานของเอนไซม์ polyphenol
oxidase (PPO) ซึ่งเปลี่ยนโมเลกุลของฟีนอลไปเป็น quinone แล้วเกิด polymerization และมีสีน้ำตาล
การยับยั้งปฏิกิริยานี้ทำได้โดยเก็บไว้ภายใต้สภาพที่มี O2 น้อย
หรือใช้ ascorbic acid ไป reduce
quinone ไม่ให้เกิด polymerization
ข้อมูลเล็กๆน้อยๆ ของโครงงานจ้าาา !!
ที่มาของบทความ : http://coursewares.mju.ac.th:81/e-learning47/section2/pt331/08.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น