ในปัจจุบันนี้อาหารแต่ละอย่างที่คนเรานำมารับประทานนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ
ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็นิยมหันมารับประทานผักมากขึ้นและปลีกล้วยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เพราะในปลีกล้วยมีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัสและเบตาแคโรทีน
ซึ่งมีธาตุเหล็กอยู่มาก ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
เป็นอาหารบำรุงน้ำนมของผู้หญิงหลังคลอด หากเป็นหญิงหลังคลอด "ปลีกล้วย"
ถือว่าเป็นอาหารที่ช่วยได้ น้ำคั้นจากหัวปลีกล้วยมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด
ปลีกล้วยจึงเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดไข้ระดู
ทำให้เลือดสมบูรณ์ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
มีกากใยอาหารมากทำให้ระบบขับถ่ายทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนักลดลง
ขับพิษสูงและร่างกายสร้างสารภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นกว่าปกติ
แต่เมื่อหั่นปลีกล้วยไว้ปลีกล้วยก็จะเกิดการคล้ำถึงดำ
เพราะในปลีกล้วยมีสารประกอบอย่างหนึ่งชื่อว่าสารประกอบฟีนอลทำปฏิกิริยากับผิวของปลีกล้วย
เมื่อดำทำให้ดูแล้วไม่น่ารับประทาน
คณะผู้จัดทำเห็นผู้คนในท้องถิ่นนำส้มแขกมาใช้ในการแก้ปัญหานี้
และคณะผู้จัดทำก็ให้ความสนใจกับส้มแขกมาก เพราะส้มแขกหาได้ง่ายทางภาคใต้
แล้วมีกรดซิตริก กรดทาทาร์ริก กรดมาลิก และ กรดแอสคอร์บิก กรดไฮดรอกซีซิตริก และ
ฟลาโวนอยด์ ทำให้ ลดความอ้วน เพราะ
มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการสร้างไขมันจากการบริโภคอาหาร
ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลียง่ายและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา
อีกทั้งส้มแขกยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้ เช่น
แบบดิบก็มักจะมาในรูปของผักที่เป็นเครื่องเคียง เช่นในผัดไทยเป็นต้น รสชาติจะฝาดๆ
แต่ถ้านำไปปรุงให้สุก ไม่ว่าจะเป็นต้มยำหัวปลี แกงไก่ใส่หัวปลี รสชาติก็จะนุ่ม
มีรสหวานนิดๆ
ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงมีความสนใจศึกษาเรื่อง
"ปฏิกริยาเคมีของออกซิเจนที่มีผลต่อปลีกล้วย"
จึงมีความคิดว่าถ้านำส้มแขกมาแก้ปัญหานี้
จะสามารถช่วยชะลอความคล้ำดำและทราบถึงปฏิกริยาเคมีของออกซิเจนที่เกิดขึ้นกับปลีกล้วยได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น