หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มีผลไม้อะไรอีกนะ ที่เมื่อปอกตั้งไว้แล้วมันดำ !


ผลไม้ที่เมื่อปอกตั้งไว้แล้วดำก็คือ
- แอปเปิ้ล


- สาลี่
 

- ฝรั่ง
 

- ชมพู่
 

 - ปลีกล้วย



 แต่ที่ผลไม้ดำก็เพราะว่าในผลไม้นั้น
มีสารประกอบฟีนอลอยู่
ซึ่งจะทำปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจนในอากาศ
โดยเป็นที่มาของชื่อโครงงานไงล่ะจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ส้มแขก สารมหัศจรรย์ลดความอ้วน !

        ส้มแขก ( Garcenia Cambogia) เป็นพืชพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย ที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารมาเป็นเวลานานแล้ว ลักษณะของผลส้มแขก จะคล้ายฟักทองขนาดเล็ก มีมากทางภาคใต้ กิน lipo twin ซึ่งมีการนำมาปรุงเป็นอาหารโดย ใช้เพิ่มรสเปรี้ยวให้อาหารได้มีการค้นคว้าพบว่า ผลส้มแขก มีสาร HCA หรือ Hydroxy-citric acid อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบว่า HCA นี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย และลดความอยากอาหารได้ จึงได้มีบางคนนำผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก กลไกการออกฤทธิ์ของ HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb's cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคส ของเซลร่างกาย) ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายแต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และ เมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็ จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลงซึ่งจะมีผล ทำให้รูปร่างดีขึ้น

     จากการนำสารสกัดจากผลส้มแขกมารับประทานเพื่อให้น้ำหนักลดลง พบว่าน้ำหนักตัวอาจจะไม่ลดลงเร็วมากนัก ประมาณ 1 กิโลภายใน 3-4 อาทิตย์ แต่รูปร่างจะดีขึ้น เอว(พุง) ลดลง ความอึดอัดลดน้อยลง เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักเบากว่ากล้ามเนื้อ

     ขณะที่ใช้สารสกัดจากส้มแขก คุณสามารถ รับประทานอาหารได้ตามสมควร แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันลงบ้าง และเมื่อความรู้สึกหิวน้อยลงจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอแล้วจะทำให้ นิสัยการกินอาหารจุๆ จำนวนมากก็จะค่อยๆ ลดลง และไม่กลับมาอ้วนใหม่

     ผลส้มแขก จนถึงบัดนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงหรืออันตรายที่เกิดขึ้นจากการรับประทานตามขนาดที่แนะนำ แต่ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก ด้วยวิธีใด การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการกินอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ได้ผลเร็วและปลอดภัยกว่ายาใดๆทั้งหมด


ส้มแขกสด

ส้มแขกแห้ง

แต่ในปัจจุบันก็ยังมีสารสกัดจากส้มแขกอย่างเช่น


     สูตรเส้นใยมหัศจรรย์ เมื่อรวมกับสารสกัดจากผลส้มแขก (Garcinia HCA) ทำให้รูปร่างเพรียวพร้อมกำจัดสารพิษได้ แล้วยังสามารถยับยั้งการสร้างไขมันจากอาหารพวกแป้งและคาร์โบไฮเดรต และช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่สะสมตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย

    Garcinia is a weight loss supplement. It is claimed to reduce appetite, burn fat or prevent the formation of fat. It prevents the conversion of excess sugar to body fat therefore is recommended in body weight control. It converts glycogens into energy making you energetic and refresh.

ที่มา : http://www.marchmed.com/Default.aspx?pageid=84&PRODUCT_ID=16


แต่การทานแบบยาสำเร็จรูปก็ไม่ดีเสมอไปหรอกนะ
ควรหันมาทานส้มแขกแบบสดๆ ดีกว่านะจ๊ะ

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เหตุผลที่ว่าทำไมนะ ปลีกล้วยถึงดำ ?

เหตุผลที่ว่าทำไม หากเราหั่นปลีกล้วยไว้แล้ว ปลีกล้วยจึงดำ
เพราะว่าในปลีกล้วยนั้นมีสารชื่อ "สารประกอบฟีนอล"


     ฟีนอล (Phenol) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล (–OH) ต่ออยู่กับหมู่แอริล (Ar) มีสูตรทั่วไปคือ ArOH ดังรูป


     สารประกอบฟีนอล (phenolic compound หรือ phenolics) ได้แก่ สารประกอบที่มี aromatic ring และอย่างน้อย 1 hydroxyl group และรวมไปถึงอนุพันธุ์ของสารประกอบฟีนอลซึ่งมีการแทนที่ด้วยหมู่เคมีต่างๆ ตัวอย่างสารประกอบฟีนอล ได้แก่ flavonoids, lignin, ฮอร์โมน abscisic acid, cinnamic acid, caffeic acid, chlorogenic acid, กรดอะมิโน tyrosine, phenylalanine และ dihydroxy-phenylalanine (DOPA), coenzyme Q และผลผลิตจากเมแทบอลิซึมอีกหลายชนิด สารประกอบฟีนอลเป็นตัวแทนของสารในธรรมชาติที่นับว่ามีปริมาณมากชนิดหนึ่งและมีความสำคัญต่อสรีรวิทยาหลังการเก็บเกี่ยว เนื่องจากหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสีและกลิ่นรส ความเข้มข้นของสารประกอบฟีนอลแตกต่างกันไปอย่างมากมายในผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว เช่น ในผลไม้สุกอาจมีปริมาณตั้งแต่น้อยมาก ไปจนถึง 8.5% ของน้ำหนักแห้ง ในผลพลับ

     สารประกอบฟีนอลในพืชโดยทั่วไปแสดงคุณสมบัติเป็นกรด ซึ่งจะสร้างพันธะไฮโดรเจนกับโมเลกุลอื่นอย่างรวดเร็ว และพบบ่อยที่ทำปฏิกิริยากับพันธะเปปไทด์ของโปรตีน และเมื่อโปรตีนนี้เป็นเอนไซม์ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมักทำให้เอนไซม์หมดสภาพ ซึ่งมักเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเอนไซม์ในพืช โดยรวมแล้วสารประกอบฟีนอลจะไวต่อการเกิดออกซิเดชั่นโดยเอนไซม์ phenolases ซึ่งเปลี่ยน monophenols ไปเป็น diphenols และเปลี่ยนต่อไปเป็น quinones นอกจากนี้สารประกอบฟีนอลบางตัวยังสามารถ chelate กับโลหะ


ตารางที่ 1 ปริมาณสารประกอบฟีนอลทั้งหมดที่มีในผลไม้สุก (Kays, 1991)
หมายเหตุ :   FW = น้ำหนักสด (fresh weight)
               DW = น้ำหนักแห้ง (dry weight)

ตารางที่ 2 สารประกอบฟีนอลส่วนใหญ่ที่พบในพืช (Kays, 1991)


          เพิ่มเติมเกี่ยวกับสารประกอบฟีนอล



     1.การต้านทานโรค สารประกอบฟีนอลหลายชนิดสามารถป้องกันหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิดได้ เช่น protocatechuic acid ซึ่งเป็นสารประกอบฟีนอลที่มีมากในหอมหัวใหญ่สีม่วง จะต้านทานต่อโรค smudge ที่เกิดจาก Colletotrichum circinan ได้ดี แต่ในหอมพันธุ์สีขาวจะไม่มีสารตัวนี้จึงอ่อนแอต่อโรค smudge สารสกัดที่ได้จากหัวหอมนี้สามารถป้องกันการงอกและยับยั้งการเจริญของเชื้อราชนิดนี้ด้วย



     2.รสฝาด รสฝาดของผลไม้หลายๆ ชนิด จะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารประกอบฟีนอลในผล ช่วงน้ำหนักโมเลกุลของสารประกอบฟีนอลที่จะให้ความฝาดนั้นอยู่ในช่วง 500-3,000 ซึ่งสามารถที่จะรวมตัวกับโมเลกุลของโปรตีนในปากทำให้รู้สึกฝาดได้ เมื่อผลไม้พัฒนาเข้าสู่การบริบูรณ์ สารประกอบฟีนอลจะลดลงนอกจากนี้สารประกอบฟีนอลยังเกิดการรวมตัวเป็นโมเลกุลใหญ่ (polymerization) และการรวมตัวของสารประกอบฟีนอลเป็นโมเลกุลใหญ่จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ จากโมเลกุลที่ละลายน้ำกลายเป็นโมเลกุลที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งทำให้ความฝาดลดลงเมื่อผลไม้บริบูรณ์เต็มที่



   
     3.สี สีของผักผลไม้ซึ่งเป็นสีของแอนโทไซยานินก็เป็นสีของสารประกอบฟีนอล นอกจากนี้การที่ผักหรือผลไม้เกิดสีน้ำตาลเนื่องจากการทำงานของเอนไซม์ polyphenol oxidase (PPO) ซึ่งเปลี่ยนโมเลกุลของฟีนอลไปเป็น quinone แล้วเกิด polymerization และมีสีน้ำตาล การยับยั้งปฏิกิริยานี้ทำได้โดยเก็บไว้ภายใต้สภาพที่มี O2 น้อย หรือใช้ ascorbic acid ไป reduce quinone ไม่ให้เกิด polymerization


ข้อมูลเล็กๆน้อยๆ ของโครงงานจ้าาา !! 

ที่มาของบทความ : http://coursewares.mju.ac.th:81/e-learning47/section2/pt331/08.htm

 

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน


    ในปัจจุบันนี้อาหารแต่ละอย่างที่คนเรานำมารับประทานนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็นิยมหันมารับประทานผักมากขึ้นและปลีกล้วยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะในปลีกล้วยมีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัสและเบตาแคโรทีน ซึ่งมีธาตุเหล็กอยู่มาก ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นอาหารบำรุงน้ำนมของผู้หญิงหลังคลอด หากเป็นหญิงหลังคลอด "ปลีกล้วย" ถือว่าเป็นอาหารที่ช่วยได้ น้ำคั้นจากหัวปลีกล้วยมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ปลีกล้วยจึงเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดไข้ระดู ทำให้เลือดสมบูรณ์ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง มีกากใยอาหารมากทำให้ระบบขับถ่ายทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนักลดลง ขับพิษสูงและร่างกายสร้างสารภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นกว่าปกติ แต่เมื่อหั่นปลีกล้วยไว้ปลีกล้วยก็จะเกิดการคล้ำถึงดำ เพราะในปลีกล้วยมีสารประกอบอย่างหนึ่งชื่อว่าสารประกอบฟีนอลทำปฏิกิริยากับผิวของปลีกล้วย เมื่อดำทำให้ดูแล้วไม่น่ารับประทาน
      คณะผู้จัดทำเห็นผู้คนในท้องถิ่นนำส้มแขกมาใช้ในการแก้ปัญหานี้ และคณะผู้จัดทำก็ให้ความสนใจกับส้มแขกมาก เพราะส้มแขกหาได้ง่ายทางภาคใต้ แล้วมีกรดซิตริก กรดทาทาร์ริก กรดมาลิก และ กรดแอสคอร์บิก กรดไฮดรอกซีซิตริก และ ฟลาโวนอยด์ ทำให้ ลดความอ้วน เพราะ มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการสร้างไขมันจากการบริโภคอาหาร ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลียง่ายและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา อีกทั้งส้มแขกยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้ เช่น แบบดิบก็มักจะมาในรูปของผักที่เป็นเครื่องเคียง เช่นในผัดไทยเป็นต้น รสชาติจะฝาดๆ แต่ถ้านำไปปรุงให้สุก ไม่ว่าจะเป็นต้มยำหัวปลี แกงไก่ใส่หัวปลี รสชาติก็จะนุ่ม มีรสหวานนิดๆ

      ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงมีความสนใจศึกษาเรื่อง "ปฏิกริยาเคมีของออกซิเจนที่มีผลต่อปลีกล้วย" จึงมีความคิดว่าถ้านำส้มแขกมาแก้ปัญหานี้ จะสามารถช่วยชะลอความคล้ำดำและทราบถึงปฏิกริยาเคมีของออกซิเจนที่เกิดขึ้นกับปลีกล้วยได้




สูตร

<อย่าลืมกดถูกใจด้วยจ้ะ>[อย่าลืมกดถูกใจด้วย]<กดถูกใจด้วยน๊ะ>